การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีหลายแบบ ทั้งลงทุนซื้อขายแบบเก็งกำไร , การซื้อเพื่อปล่อยให้เช่า, การลงทุนแบบนายหน้า และการลงทุนรับจำนอง-ขายฝาก เป็นต้น ทุกรูปแบบจะมีลักษณะเฉพาะ ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของผู้ลงทุนว่าสะดวกลงทุนแบบไหน โดยทุกรูปแบบต่างเป็นการสร้าง Passive income ที่ดีด้วยกันทั้งสิ้น แต่สำหรับเราที่เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ ขอแนะนำการลงทุนแบบ “รับจำนอง-ขายฝาก” ด้วยเป็นตลาดที่ค่อนข้างกว้าง มีความต้องการสูง และยังได้รับผลประโยชน์ตั้งแต่เริ่มลงทุนไปจนถึงวันที่ขายอสังหาฯออกไปอีกด้วย
การลงทุนรับจำนอง-ขายฝาก >> “ถือนานก็กำไร พอขายก็ยังได้กำไรอีก”
การลงทุนอสังหาฯโดยทั่วไปจะได้ผลตอบแทนหลักๆอยู่ 2 รูปแบบ คือ กระแสเงินสด (Cash Flow) และ กำไรส่วนต่าง (Capital Gain)
- กระแสเงินสด (Cash Flow) คือการได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ แต่จะไม่ใช่กำไรก้อนใหญ่ ถ้าให้เปรียบง่ายๆก็คงเป็น เงินบำนาน ที่ได้ทีละน้อย แต่ได้ทุกเดือน อย่างเช่น ค่าเช่า หรือ ดอกเบี้ย
- กำไรส่วนต่าง (Capital Gain) คือผลตอบแทนก้อนใหญ่ที่ได้ครั้งเดียว เหมือนเงินบำเหน็จ รูปแบบการลงทุนนี้จะเป็นการซื้อมาขายไป อาจซื้อไว้เป็นเวลานาน หรือซื้อมารีโนเวทแล้วขายในราคาสูงก็ได้
ซึ่งการลงทุนจำนอง-ขายฝาก ให้ผลตอบแทนได้ทั้ง 2 รูปแบบ ในขณะที่การลงทุนอื่นๆ อาจให้ได้เพียงรูปแบบเดียว
” ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ความเสี่ยงนั้นก็สามารถควบคุมได้ “

การลงทุนอสังหาฯ ทำแบบไหนได้บ้าง
1. การซื้อขายแบบเก็งกำไร – หลักการทั่วไปคือซื้อทรัพย์สินในราคาต่ำกว่าราคาตลาด แล้วถือไว้สักระยะเพื่อรอเวลาขาย หรือในบางครั้งอาจขายได้แทบจะในทันทีที่ซื้อเลยก็ได้ถ้าอยู่ในจังหวะเวลาที่ดี
ข้อดี : ทำเงินได้เร็ว และทำกำไรได้ก้อนโต
ข้อเสีย : ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงในการดูทำเล เข้าใจจังหวะเวลา รวมถึงบริหารการเงินเพื่อป้องกันปัญหาสภาพคล่องจากการลงทุน
2. การซื้อเพื่อปล่อยเช่า – การลงทุนที่ได้รับความนิยมสูง ผู้ปล่อยเช่าจะได้รับค่าเช่าเป็นเงินสด ผู้ปล่อยเช่าบางรายใช้วิธีกู้ธนาคารซื้อมาเพื่อปล่อยเช่า โดยค่าเช่าที่ได้รับมา จะสามารถนำมาผ่อนสินเชื่อบ้านได้ และยังมีกำไรจากส่วนต่างของราคาปล่อยเช่า ที่นำมาใช้จ่ายหมุนเวียนได้อีกด้วย
ข้อดี : ไม่ต้องใช้ทุนสูง กระแสเงินสดดี และได้เงินสม่ำเสมอ
ข้อเสีย : ได้เงินก้อนเล็ก ต้องมีการดูแล มีความเสี่ยงหากไม่มีผู้เช่า
3. การซื้อเพื่อตกแต่งใหม่และขายทำกำไร – เป็นการลงทุนที่คล้ายกับการซื้อเพื่อเก็งกำไร ต่างกันที่จะต้องมีการตกแต่งหรือก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มมูลค่า ก่อนขายในราคาที่สูงขึ้น
ข้อดี : ได้กำไรก้อนโตที่มากกว่าแค่การซื้อขายแบบเก็งกำไร
ข้อเสีย : ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง ต้องมีความรู้เรื่องทำเล ต้องบริหารต้นทุน และมีความสามารถหรือทีมงานที่ทำการตกแต่งก่อสร้าง
4. การรับจำนองขายฝาก – เป็นการลงทุนในรูปแบบการให้สินเชื่อ เป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำและได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ กรณีที่รับขายฝาก หากผู้กู้ผิดสัญญาก็ยังสามารถนำสินทรัพย์ที่ได้รับมาทำกำไรส่วนต่างก้อนโตได้อีกด้วย
ข้อดี : ทำรายได้ทั้งแบบสม่ำเสมอ (ดอกเบี้ย) และสร้างเงินก้อน (จากอสังหาที่หลุดมา สามารถนำไปขายทำกำไร หรือปล่อยเช่าได้)
ข้อเสีย : ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เพื่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด